ร้านอาหารในโอกินาว่า

ในโอกินาว่ามีร้านอาหารอยู่มากมาย เริ่มต้นด้วยอาหารพื้นเมืองของโอกินาว่า อาหารตะวันตก อาหารจีน



ร้านอาหารญี่ปุ่นก็มีอยู่มากมาย ตั้งแต่ร้านราเมงที่ต้องต่อแถวเข้า จนถึงร้านอาหารหรูหราที่มีความเป็นส่วนตัว มีคอร์สอาหารชั้นเลิศให้เลือกมากมาย



สำหรับอาหารพื้นเมืองยอดนิยม และพลาดไม่ได้สำหรับผู้มาเยือนโอกินาว่า คือ “โอกินาว่าโซบะ” ร้านอาหารที่มีการแสดงโชว์อย่างรำพื้นเมืองก็มี



และเนื่องจากโอกินาว่ามีชาวอเมริกันอาศัยอยู่มาก จึงมีร้านอาหารตะวันตก ทั้งอาหารอเมริกันและอาหารยุโรปมากมายเช่นกัน ร้านอาหารเหล่านี้จึงเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวต่างถิ่น



สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับร้านอาหารในโอกินาว่าเพิ่มเติม คลิกที่นี่
http://www.okinawastory.jp/en/search/portal/

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

จุดดำน้ำที่ทั่วโลกต้องตกตะลึง

แหล่งปะการังที่ดึงดูดนักดำน้ำ และมีชื่อเสียงระดับโลก คือ ท้องทะเลที่โอกินาว่า



มีอยู่ไม่กี่แห่งในโลกนี้ที่น้ำทะเลมีความใสมาก มีปะการังหลากสีสัน ฝูงปลาเขตร้อนนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังอันงดงาม ทั้งหมดนี้มีอยู่ใต้ท้องทะเลของโอกินาว่าหลายแห่ง





โดยเฉพาะที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งคือ เกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ห่างออกไป แหล่งดำน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะใหญ่โอกินาว่า จะอยู่ทางทิศตะวันตกราว 30-40 กิโลเมตร คือ หมู่เกาะเค-รามา



นอกจากนี้ยังมีหมู่เกาะอื่นอีกมากมายที่มีชื่อเสียงระดับโลกเช่นกัน ผู้ใดที่ชื่นชอบการดำน้ำไม่ควรพลาดที่จะไปชื่นชมสีสันแห่งท้องทะเลโอกินาว่า แล้วจะรู้ว่ามนต์เสน่ห์นั้นต่างกับท้องทะเลไทยอย่างไร

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

สภาพแวดล้อมที่สืบทอดมายาวนาน

จากสภาพภูมิอากาศกึ่งร้อนและฝนชุก ก่อให้เกิดลักษณะทางนิเวศวิทยา และภูมิประเทศที่ซับซ้อนของเกาะเล็กเกาะใหญ่ โอกินาว่าจึงมีความแตกต่างทางธรรมชาติและชีววิทยาที่โดดเด่น



หนึ่งในความเด่นนี้ ได้แก่ ปลาทะเลสีสันสวยงามที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง ผู้ใดพบเห็นเป็นต้องตกตะลึงกับกับความงามนี้ กล่าวกันว่า เกาะทั้งเกาะเกิดจากซากปะการังที่ทับถมกันมาเป็นเวลาหลายล้านปี ปะการังจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในโลกแห่งนิเวศวิทยาของโอกินาว่า อีกทั้งป่าดงดิบที่ขึ้นอย่างหนาแน่นในเขตป่ากึ่งร้อน รวมไปถึงป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ นับเป็นเสน่ห์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งของโอกินาว่า



สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์แปลกๆ ในโลกนี้ มีอาศัยอยู่เพียงแค่ในป่าของโอกินาว่าเท่านั้น นั่นคือความเป็นมาของเกาะที่อุดมสมบูรณ์นั่นเอง ในสมัยโบราณ ตอนที่แผ่นดินโอกินาว่ายังติดกับแผ่นดินของประเทศจีนและญี่ปุ่น สิ่งมีชีวิต สัตว์ และพืชพันธุ์ต่างๆ มีการแพร่พันธุ์ขยายไปทั่วทุกพื้นที่ เวลาผ่านล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน มีการแยกตัวของแผ่นดินใหญ่แบ่งแยกออกเป็นหลายส่วนหลายทวีป สิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืชพันธุ์ต่างๆ มีการปรับตัวและพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อให้คงชีพได้ในสภาวะแวดล้อมของโอกินาว่า



จวบจนทุกวันนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในธรรมชาติของโอกินาว่า มีสายพันธุ์ที่ยังไม่รู้จักเป็นจำนวนมาก

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

ตอนใต้ของเกาะโอกินาว่า

ทางใต้ของเกาะโอกินาว่ามีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยที่มีเรื่องเล่าของเทพเจ้ามาจนถึงปัจจุบันนี้


โคคุไซโดริ

นาฮา・ชูริ เมืองศูนย์กลางที่เปี่ยมด้วยพลังและสีสัน ผสมผสานกันอยู่ในเมืองเก่าแก่
โคคุไซโดริ อยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัดโอกินาว่า ตั้งอยู่ในเมืองนาฮา เป็นถนนหลักที่มีร้านค้าเรียงรายกันมากมาย ทั้งร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก ไม่ไกลจากที่นี่ก็มีแหล่งช็อปปิ้งปลอดภาษีที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวในโอกินาว่า คือ DFS Gallery ลงไปทางตอนใต้อีกที่เมืองโทมิกุสุกุ ก็มีแหล่งช็อปปิ้งอย่าง Okinawa Outlet Mall Ashibina สามารถหาซื้อสินค้าแบรนด์ดัง ที่เป็นสินค้าในประเทศและสินค้าต่างประเทศได้ในราคาย่อมเยาว์ อีกทั้งเมืองหลวงของริวกิวโอโคคุที่เคยรุ่งเรืองมาก่อนอย่างชูริ ก็ได้ถูกบูรณะบางบริเวณขึ้นใหม่ และในปี 1992 สวนชูริโจก็ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก


Okinawa Prefectural Peace Memorial Museum

ร่องรอยของสงคราม ความหายนะจากสงครามในโอกินาว่า และความหวังในสันติภาพ
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางตอนใต้ของเกาะโอกินาว่าเคยเป็นสมรภูมิรบของทหารญี่ปุ่นและทหารอเมริกันมาก่อน เพื่อเป็นการรำลึกถึง จึงได้มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์และแผ่นศิลาจารึกให้กับผู้เสียชีวิตในสงคราม ที่ Okinawa Peace Memorial Park ภายในสวนมีอนุสาวรีย์มาบูนีตั้งอยู่บนเนิน การจัดแสดงภาพถ่ายตอนเกิดสงคราม และหลักฐานบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ มากมายจัดแสดงอยู่ภายในอาคารนิทรรศการ บอกเล่าถึงเหตุการณ์และความหายนะที่เกิดจากคราวสงครามให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อความหวังในสันติภาพ

หลังจากจบสิ้นสงครามในโอกินาว่าครบรอบ 50 ปี เพื่อเป็นการรำลึกถึง จึงได้สร้างแผ่นหิน “อิชิจิ” ขึ้นให้เป็นอนุสรณ์แห่งสันติภาพ มีการสลักรายชื่อของผู้เสียชีวิตลงบนแผ่นหิน โดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นชนชาติใด ในช่วงใกล้จบสงครามมีหลายชีวิตที่ยอมเสียสละเพื่อปฐมพยาบาลดูแลผู้เจ็บป่วยจากสงคราม ผู้เสียสละนั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนหญิงจาก “โรงเรียนฮิเมยูริ กากุโดไต” ด้วยวัยเพียง 15-19 ปีเท่านั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงการเสียสละนั้น จึงได้มีการสร้างอนุสรณ์ “หอคอยฮิเมยูริ” ขึ้น มีผู้คนมากมายนำดอกไม้ไปวางอย่างไม่ขาดสาย

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
Peace Memorial Park
http://www.okinawastory.jp/en/view/portal/0129999200/


เซฟา อุตากิ

เซฟา อุตากิ ณ เกาะคุดากะจิมา สถานที่สถิตย์ของเหล่าเทพเจ้าแห่งริวกิว
เชื่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลว่า โอกินาว่าเป็นที่อยู่ของเทพเจ้ามาก่อน ตามตำนานเก่าแก่เชื่อว่าเทพเจ้าเป็นผู้สร้างแผ่นดินริวกิวแห่งนี้ สถานที่สถิตย์ที่รู้จักกันดีในโอกินาว่าคือ “เซฟา อุตากิ” สถานที่ที่เทพเจ้าหญิงอะมามิคิโยเป็นผู้สร้าง ซึ่งดินแดนที่เทพเจ้าหญิงอะมามิคิโยจะลงมาที่ “เซฟา อุตากิ” คือ เกาะคุดากะจิมา รู้จักกันดีในนามของเกาะของเทพเจ้า ปัจจุบันนี้บนเกาะมีสถานที่ที่เชื่อกันว่ามีเทพเจ้าสถิตย์อยู่

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

บันเทิงใจไปกับ “ศิลปะการแสดง”


ริวกิว บุโย (การรำพื้นเมือง)

เครื่องแต่งกายที่งดงามและเสียงดนตรีประจำท้องถิ่นที่ขาดไม่ได้ในการแสดง “ซันชิน” เป็นเครื่องดนตรีประเภทสาย มีเสียงอันไพเราะและสร้างสีสันให้กับ “ริวกิว บุโย” ได้ดี การรำพื้นเมืองเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยของกษัตริย์ริวกิว มีไว้แสดงรับแขกบ้านแขกเมืองในปราสาท เรียกว่า “โกเตง บุโย” มาถึงสมัยที่ศิลปะการร่ายรำจากเมจิเข้ามามีอิทธิพล และขยายเข้ามาสู่ประชาชนโดยทั่วไป เรียกการรำแบบนี้ว่า “โซอุโดอิ” ปัจจุบันนี้มีการประยุกต์และปรับแต่งท่ารำมากขึ้น เรียกว่า “โซซาคุ บุโย”


เออิซ่า

ประเพณีการเต้นรำบงโอโดริของโอกินาว่า เรียกว่า “เออิซ่า” เป็นการแสดงที่เร้าใจและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก กล่าวกันว่าต้นกำเนิดการเต้นรำนี้มาจากการเต้นรำเพื่อสักการะเทพเจ้า การเต้นรำจะมีลักษณะคล้ายกับการเต้นรำบงโอโดริในญี่ปุ่น แต่ที่นี่จะเป็นการเต้นรำเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันคิวบง ทั่วทั้งเกาะโอกินาว่าจะมีการจัดงานขึ้นเพื่อแสดงความเคารพและขอพรต่อบรรพบุรุษ เช่น ขอให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆ ขอให้ครอบครัวปลอดภัย เป็นต้น ในโอกินาว่ายังมีเพลงประจำเกาะ “ชิมะอุตะ” เป็นเพลงเก่าที่ถ่ายทอดจากรัชสมัยกษัตริย์ริวกิวมายังประชาชนธรรมดา ปัจจุบันนี้มีการปรุงแต่งเพลงเก่าอย่างโอกินาว่ามินโย เป็นดนตรีแนวป็อปที่แทรกซึมอยู่ในวิถีการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

Peaceful Love Rock Festival

Peaceful Love Rock Festival จะจัดขึ้นทุกปีช่วงปลายฤดูฝน ในช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนกรกฏาคม เป็นเวลา 2 วันด้วยกัน เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของวงร็อกในโอกินาว่า


ในเทศกาลดนตรีนี้ มีตั้งแต่วงดนตรีหน้าใหม่ที่เพิ่งจะชนะการคัดเลือก ไปจนถึงวงดนตรีของคนโอกินาว่าที่โด่งดังระดับประเทศ ตั้งแต่รุ่นใหญ่ที่บุกเบิกดนตรีร็อกในสมัยแรกๆ ของโอกินาว่า เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลดนตรีที่มีการรวมตัวของคนดนตรีที่มีความหลากหลายมากที่สุด

สีสันทางดนตรีต่างกับของไทยอย่างไรบ้าง ลองหาเวลาไปให้ตรงกับฤดูนี้ แล้วท่านจะได้สัมผัสความมันส์กับสีสันแห่งเทศกาลวงดนตรีร็อกของโอกินาว่าและญี่ปุ่นได้

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

อเมริกัน วิลเลจ

อเมริกัน วิลเลจ ตั้งอยู่ในเมืองที่มีชื่อว่า “ชาตัง” อยู่ตอนกลางของโอกินาว่า สร้างเลียนแบบจากแหล่งช็อปปิ้งย่านซานดิเอโก้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นี่เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีสินค้าสารพัน หลากหลายสไตล์ให้ท่านได้เลือกสรร



นอกจากนี้ยังมีสถานที่บันเทิงสร้างความสนุกสนาน เช่น โรงภาพยนตร์, โบว์ลิ่ง, คาราโอเกะ, เกมเซ็นเตอร์, ชิงช้าสวรรค์, ไลฟ์เฮ้าส์, บาร์, ร้านอาหาร, ร้านหนังสือ, ร้านเสื้อผ้า และร้านตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และชายหาด เรียกได้ว่ามีร้านค้าต่างๆ รวมกันอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด



ร้านค้าใกล้เคียงที่อยู่ในบริเวณนั้น ยังมีทั้งร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้าที่มีร้านค้าย่อยต่างๆ อีก เช่น โซนเครื่องสำอาง เสื้อผ้า เป็นต้น


(Sunset Beach)

หลังจากช็อปปิ้งที่อเมริกัน วิลเลจแล้ว สามารถแวะเข้าไปนั่งชมความงามของพระอาทิตย์ตกดินได้ที่ชายหาด Sunset ซึ่งเป็นสถานที่ที่สวยงานอีกแห่งหนึ่งของอเมริกัน วิลเลจ

ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะมีสินค้าญี่ปุ่นหลากหลายให้เลือกสรร และให้ความเพลิดเพลินกับทุกท่านได้มากมายทีเดียว

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

โบราณสถาน "ปราสาทนาคิจิน"

“ปราสาทของเทพเจ้า” อันถูกเรียกขาน และมีความศักดิ์สิทธิ์ทัดเทียมกับชูริโจเลยทีเดียว



ปราสาทนาคิจินเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยซังซัง ก่อนที่จะมาเป็นริวกิว ปราสาทนี้เป็นที่ประทับของกษัตริย์โฮคุซัง ต่อมากลายเป็นปูชนียสถานเพื่อประกอบพิธีสักการะเทพเจ้า ที่เรียกว่า “คุโบว อุตาคิ” จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม “ปราสาทของเทพเจ้า” ความสูงของกำแพงปราสาทประมาณ 3-8 เมตร มีความยาวถึง 1.5 กิโลเมตร



ความงดงามของกำแพงที่ตั้งตระหง่าน ลดเลี้ยวไปตามภูมิประเทศ ตัดกับสีเขียวของต้นไม้และสีฟ้าครามของท้องทะเล ช่างเป็นภาพที่โดดเด่น ตรึงตาไม่รู้ลืมเลยทีเดียว

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

“หัตถกรรม” ในสไตล์โอกินาว่า



“ริวกิว บิงกาตะ” ศิลปะบนผืนผ้ามัดย้อมอันวิจิตรบรรจง ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของเส้นสี มีเนื้อหาบอกเล่าเรื่องราววิถีทาง ธรรมชาติของโอกินาว่า ผ้าทอมือที่มีความหลากหลายตามวิธีการของแต่ละพื้นที่ ในสมัยริวกิวผู้ที่จะสวมใส่ผ้าอันงดงามนี้จะเป็นชนชั้นสูง ตัวแทนความงดงามของผ้าทอนี้ คือ “ชูริโอริ” และ “คิโจวคะ” ทำจากใยของหยวกกล้วย ผ้าที่ถูกนำมาทอด้วยใยหยวกกล้วยนี้เรียกว่า “บะโชวฟุ” คุณสมบัติของเนื้อผ้าคือความโปร่งและการระบายความร้อน



งานหัตถกรรมเช่น ภาชนะ “ริวกิวชิกคิ” เป็นภาชนะลงยางสีแดง ที่ได้มาจากยางของต้นไม้ในเขตร้อนชื้นอย่างโอกินาว่า, “จินคิน” เป็นเครื่องประดับลงรักปิดทอง, “ราเดง” เครื่องประดับฝังมุข เหล่านี้ล้วนเป็นงานฝีมืออันปราณีตที่ประดับประดาด้วยสีสันตามธรรมชาติ



ภายหลังสงคราม ขวดแก้วน้ำอัดลมอย่างขวดโค้กเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น ผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่งที่สร้างความมีเสน่ห์ให้กับขวดแก้ว มีการผ่านกรรมวิธีหลอมจนได้มาเป็น “ริวกิว กลาส” นอกจากนี้ยังมีภาชนะเครื่องปั้นดินเผา “ซึโบะยา ยาคิ”, ของประดับสวยงามเคลือบเงา “โจวยาคิ” ยังนำไปเป็นถ้วยชามและถ้วยเหล้า, “อะรายาจิ” เครื่องปั้นดินเผาที่ขึ้นรูปเป็นไห โดยมากจะนำไปเป็นภาชนะใส่สำหรับกักเก็บ

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

การแข่งขันกีฬาในโอกินาว่า

จังหวัดโอกินาว่าเป็นจังหวัดที่มีอากาศอบอุ่นมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการจัดงานการแข่งขันกีฬาได้ตลอดทั้งปี นับเป็นจุดแข็งของโอกินาว่า ที่สามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้ทั้งกีฬาระดับประเทศและกีฬาระดับนานาชาติ



เหตุผลอีกประการหนึ่งที่มีการจัดงานได้บ่อยครั้งคือ ความพร้อมในเรื่องของสนาม บ่อยครั้งที่โอกินาว่าได้รับการคัดเลือกให้เป็นจังหวัดสำหรับการเก็บตัวและฝึกซ้อมของนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเบสบอลจากทีมมือโปรของญี่ปุ่นหรือเกาหลี นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บตัวฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมลีก และทีมดิวิชั่นฟุตบอลอีกด้วย



จากความพร้อมของสนามและสถานที่ ทุกปีโอกินาว่าจะจัดการแข่งขันกีฬาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไตรกีฬาระดับนานาชาติ การจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศเหล่านี้ ล้วนเป็นผลงานและความภาคภูมิใจที่สั่งสมมาหลายปี จนสามารถกล่าวได้ว่าโอกินาว่าเป็น Sport Convention Island เลยทีเดียว



สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
http://sports.okinawastory.jp/en/

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

สัตว์, ป่า และทะเลในโอกินาว่า

ทะเลใสๆ ที่ปะการังหลงรัก



ปะการังมักจะอาศัยอยู่ในน้ำทะเลที่มีความใสบริสุทธิ์ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยของทะเลโอกินาว่า ที่มีการไหลมาบรรจบกันของกระแสน้ำอุ่นที่ตรงแนวบริเวณรอบทะเลโอกินาว่า ซึ่งผลดีคือมีความใสของผิวน้ำจนถึงก้นทะเล สายพันธุ์ของปะการังในโลกนี้มีอยู่ทั้งหมด 800 สายพันธุ์ และปะการังที่อาศัยอยู่ในทะเลโอกินาว่ามีกว่า 200 สายพันธุ์แล้ว ด้วยกิ่งก้านที่มีความแปลกและซับซ้อน ทำให้เป็นที่อาศัยอยู่ของสัตว์น้ำขนาดเล็กจำนวนมาก เช่น หอย ปลา กุ้ง เป็นต้น ธรรมชาติผู้แต่งแต้มสีสันบนตัวปลาที่แหวกว่ายอยู่ตามแนวปะการังหลากสี ใครได้พบเห็นคงจะมอบหัวใจให้กับความงามนี้โดยไม่รู้ตัว



ป่า มารดาผู้ให้กำเนิด และผู้ให้ที่พักพิง

พื้นที่ป่า “ยัมบารู” อยู่ทางตอนเหนือของเกาะใหญ่โอกินาว่าและเกาะอิริโอโมเตะ พืชพรรณที่ขึ้นอยู่ในป่ายัมบารู มีทั้งพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์อย่าง “อิตาชิอิ” (Castanopsis sieboldii) และพันธุ์พืชกว่า 1,250 ชนิดที่มีขึ้นตามธรรมชาติ เกาะอิริโอโมเตะมีป่าชายเลนที่กว้างที่สุดในประเทศญี่ปุ่น “อิริโอโมเตะกายะ” และพันธุ์พืชแปลกๆ ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย อุทยานแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณต่างๆ ที่สืบทอดสายพันธุ์ชีวิตมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์


ม้าป่าที่มาของสายพันธุ์ปัจจุบันของญี่ปุ่น ม้าโยนากุนิ

สรรพสัตว์ที่นี่แห่งเดียวในโลกที่มีอยู่

ยัมบารูบนเกาะอิริโอโมเตะ แผ่นดินทองของสรรพสัตว์ เต็มไปด้วยสัตว์ที่หายากมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เช่น นกที่บินไม่ได้อย่าง “ยัมบารุกุยนา” (Gallirallus okinawae), แมลงเต่าทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น “ยัมบารู เดกาโคกาเนะ” (Cheirotonus jambar) และ “แมวป่าอิริโอโมเตะ” (Prionailurus bengalensis iriomotensis) นับเป็นสัตว์สงวนที่หายาก ซึ่งที่แปลกไปกว่านี้ก็คือ สัตว์หายากเหล่านี้เพิ่งจะถูกค้นพบได้ไม่นานมานี่เอง

ปัจจุบันนี้ทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจด้านชีววิทยาของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่ยังหลุดรอดจากการค้นหาในโอกินาว่า ขอเชิญทุกท่านมาร่วมกันค้นหาธรรมชาติในโอกินาว่า ที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่จากทั่วโลกด้วยกันเถอะ

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

เทศกาลเออิซ่าทั่วเกาะโอกินาว่า

เทศกาลเออิซ่า เป็นเทศกาลเกี่ยวกับศิลปะการแสดง จัดขึ้นทั่วทั้งเกาะโอกินาว่า เทศกาล “เออิซ่า” นี้จะจัดขึ้นทุกปีในสัปดาห์สุดท้าย หลังจากเสร็จสิ้นเทศกาลบงของประเทศไปแล้ว (เทศกาลเชงเม้ง)



เป็นการเต้นรำตามประเพณีที่มีพลังและปลุกเร้าใจ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพบูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลับซึ่งกลับมายังโลกมนุษย์ในช่วงเวลานี้ คนหนุ่มสาวจะแต่งตัวแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของเออิซ่า มีเสียงของซันชิน ทั้งร้องเพลงและเล่นซันชินไปด้วยกัน ร่วมกันกับเสียงกลางที่ตีเป็นจังหวะ แต่ล่ะท้องถิ่นทั่วทั้งเกาะจะมีการเต้นรำเออิซ่า และเดินพาเหรดไปตามถนนของแต่ละท้องถิ่นนั้นๆ



ในเทศกาลเออิซ่าจะมีการคัดเลือกตัวแทนกลุ่มเยาวชนจากทั่วเกาะของโอกินาว่ามาแสดง การเต้นรำของแต่ละท้องถิ่นจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้นเทศกาลนี้จึงสามารถเห็นการเต้นรำที่มีความแตกต่างจากหลายท้องถิ่น



สนามที่จัดแสดงมีคนจำนวนมากมารวมตัวกัน ร่วมซึมซับบรรยากาศแห่งความสนุก ทั้งจากเสียงกลองอันเร้าใจ เสียงร้องเพลง และเสียงของซันชิน



ภายในสนามอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเทศกาลเออิซ่า ทั้งร้านค้า ร้านอาหารที่ตั้งแผงกันเรียงราย เป็นสีสันของฤดูร้อนที่คนโอกินาว่าชื่นชอบ และหากใครสนใจจะไปร่วมสนุกเต้นรำด้วย ก็ไปเจอกันได้ที่งานนี้

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

ตอนกลางของเกาะโอกินาว่า

ตั้งแต่ศิลปะการแสดง ดนตรี จนถึงค่านิยมอเมริกา วัฒนธรรมหลากหลายที่ผสมกันอยู่ที่ตอนกลางของเกาะโอกินาว่า


“โยมินตัน” หมู่บ้านศิลปะเครื่องปั้นดินเผาโบราณ

หมู่บ้านโยมินตัน เป็นแหล่งรวมศิลปินผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผา ถูกเรียกกันในนาม “บ้านเกิดของยาจินมุน” เครื่องปั้นดินเผาที่นี่มีความพิถีพิถันในการเลือกดินให้เหมาะกับเครื่องปั้นแต่ล่ะอย่าง เพื่อสร้างเสน่ห์ให้กับเครื่องปั้นดินเผานั้น เช่น โยมินตัน ซึโบะ ยาคิ, โยมินตัน ซังยาคิ, โยมินตัน ซังยากิ คิตะกามา ฯลฯ ใกล้ๆ กับโรงปั้นยังมีแกลลอรี่และร้านกาแฟ ที่สร้างความอบอุ่นด้วยกาแฟร้อนๆ เสิร์ฟด้วยถ้วยกาแฟที่ทำจากงานฝีมือ

ใกล้กันนี้ยังมีหน้าผาที่ทอดยาว มีความสูงถึง 30 เมตร ชื่อว่า “ซัมปะมิซากิ” มองลงไปจะเห็นประภาคารสีขาวตั้งอยู่โดดเด่นตัดกับสีครามของน้ำทะเล นับเป็นสถานที่ชื่อดังเพราะมีพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก ภายในสวนสาธารณะยังมีส่วนของร้านอาหารที่เรียงรายกัน และสถานที่เฉพาะสำหรับการปิ้งบาร์บีคิวได้อีกด้วย


“โคซะ อุรุม่า” ดนตรีโอกินาว่า สไตล์เพลงนอก

เมืองโอกินาว่าอยู่ติดกับทางเข้าฐานทัพทหารอเมริกาคาเดนะ รู้จักกันดีในนาม “โคซะ” เมืองที่มีสีสันทางวัฒนธรรมผสมผสานทั้งจากอเมริกาและจากชาติอื่นๆ จึงเป็นบ่อเกิดของ “วัฒนธรรมชัมปุรู” ที่มีวัฒนธรรมจากต่างชาติกับวัฒนธรรมของโอกินาว่าผสมผสานกันอยู่ และหนึ่งในตัวแทนของวัฒนธรรมลูกผสมคือ ดนตรี “โอกินาวัน ป็อป” นั่นเอง มีการผสมเครื่องเล่นดนตรี และปรับแต่งทำนองให้เข้ากับบทเพลงพื้นเมืองบ้าง เช่น เพลงพื้นเมืองอย่างโอกินาว่ามินโย ปรุงแต่งทำนองให้เป็นร็อค ลาติน บลู เป็นต้น

เมืองใกล้เคียงอย่างอุรุม่ายังมีสถานที่ที่น่าสนใจในการขับรถชมวิว อย่างสะพานแขวนทะเลฝั่งตะวันออก สร้างขึ้นเพื่อข้ามเกาะด้วยความยาว 4.75 กิโลเมตร


“ชาตัง” สัมผัสบรรยากาศแบบ America West Coast

แหล่งแฟชั่นและร้านค้าชื่อดังที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามถนนชาตัง เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มวัยรุ่น “มิฮามะ อเมริกัน วิลเลจ” ถูกออกแบบโดยนำไอเดียมาจาก America West Coast มีร้านค้าต่างๆ ตั้งแต่ ร้านขายสินค้าพื้นเมือง, ร้านอาหารพื้นเมืองโอกินาว่า, ชิงช้าสวรรค์ความสูง 60 เมตร และโรงภาพยนตร์ 4DF/X ที่มันส์สุดๆ บนภาพ 4 มิติอย่างที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน รับรองได้เลยว่าเที่ยวเต็มวันไม่เบื่ออย่างแน่นอน ตกกลางคืนแสงไฟที่ประดับอยู่ที่ชิงช้าสวรรค์ก็สร้างบรรยากาศโรแมนติกได้อีกแบบหนึ่ง มีการแสดงดนตรีสดให้ชม ไม่ไกลจากที่นี่ก็มีตลาดนัดกลางคืนที่จะเปิดขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ บนพื้นที่ที่เคยเป็นฐานทัพอเมริกันเก่าฮัมบี้ อย่าลืมที่จะไปเที่ยวชมบรรยากาศที่นี่ให้ได้

จากวัฒนธรรมที่ถูกถ่ายทอดมาจนถึงแฟชั่นที่นิยมในปัจจุบัน สามารถหาความสนุกและตื่นเต้นนี้ได้ ที่เมืองตอนกลางของเกาะโอกินาว่า

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

เกียคุเซนโด

เกียคุเซนโด เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยที่ธรรมชาติใช้เวลาในการสรรสร้างนานถึง 300,000 ปี อยู่ทางตอนใต้ของเกาะโอกินาว่า นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของโอกินาว่า



ภายในถ้ำเกียคุเซนโดมีหินงอกหินย้อยกว่า 1,000,000 แท่ง ถือว่ามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ถ้ำมีความยาวทั้งหมด 5,000 เมตร นับว่าเป็นถ้ำที่มีความงามติดลำดับของประเทศเลยทีเดียว ภายในถ้ำมีร้านคาเฟ่ (Cave cafe) ในถ้ำให้ลองนั่งด้วย


(ภาพการจัดปาร์ตี้ภายใน (Cave cafe) ร้านกังการา โนะ ทานิ)

ในอุทยานเกียคุเซนโดยังมีสวนสนุก “Okinawa World” ภายในมีสวนงูเห่า “ฮาบุ” มีการโชว์การแสดงพื้นเมืองของโอกินาว่า มีเครื่องเล่นภายในสวนสนุกและร้านอาหาร และงานเทศกาลต่างๆ ที่มีจัดขึ้นอย่างมากมาย

เกียคุเซนโดมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 1,000,000 คนต่อปี หากมีโอกาสไปเที่ยวที่โอกินาว่าอย่าลืมไปที่นี่ด้วย

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

ประวัติศาสตร์ที่โอกินาว่า

ประวัติศาสตร์ที่กำเนิดมาจากสัมพันธไมตรีในกลุ่มประเทศเอเชีย

โอกินาว่าเป็นเกาะที่อยู่กึ่งกลางภูมิภาคเอเชียและหมู่เกาะประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อกันว่าในสมัยดึกดำบรรพ์เป็นผืนแผ่นดินใหญ่ที่ติดกัน ประวัติศาสตร์ของโอกินาว่าได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศมาอย่างเข้มข้น เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดภายในประเทศญี่ปุ่น



แต่เดิมโอกินาว่ายังอยู่ในสมัยที่ยังล่าสัตว์เพื่อการใช้ชีวิต จนถึงศตวรรษที่ 10 จากนั้นเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 15 เริ่มยุคสมัยที่รวมการปกครองเข้าเป็นหนึ่งเดียวและสถาปนาเป็นประเทศริวกิว ในสมัยนี้ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีเหนือ และทำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นความก้าวหน้าที่สร้างความสำเร็จให้กับประเทศเกาะเล็กๆ บนคาบสมุทร



ในสมัยเอโดะ ช่วงแรกของศตวรรษที่ 18 โอกินาว่าตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลโชกุน “ซาซึมาฮัง” และภายใต้รัฐบาล “เอโดะ บะคุฟุ” แต่ก็ยังคงมีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนกับประเทศใกล้เคียง เหตุนี้เองทำให้ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมอื่นเข้ามา และเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของโอกินาว่านั่นเอง

เข้ายุคสมัยเมจิ โอกินาว่าได้เข้าไปเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โอกินาว่าอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาด้วยความซับซ้อน โอกินาว่าในทุกวันนี้จึงมีทั้งโบราณสถานที่กลายเป็นมรดกโลก สิ่งก่อสร้างที่เกิดจากฐานทัพทหารอเมริกัน ผู้คนที่อาศัยอยู่ต่างก็ดำเนินชีวิตไปตามความสมบูรณ์ที่ซับซ้อนของวัฒนธรรมได้อย่างกลมกลืน เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยไม่มีความขัดเขินอันใด

ณ โบราณสถานที่เป็นมรดกโลกของโอกินาว่า และสถานที่ขึ้นชื่อต่างๆ ซึ่งหากได้เข้าไปสัมผัสแล้ว อาจทำให้หวนย้อนสู่อดีตเมื่อครั้งมีการติดต่อค้าขายกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นได้

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

ตอนเหนือของเกาะโอกินาว่า

ตอนเหนือของเกาะโอกินาว่ามีธรรมชาติที่งดงามอยู่มากมาย เนื่องจากถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลในเขตกึ่งร้อน


“ยัมบารู” สวนป่าน่าพิศวงที่ปกคลุมด้วยสีเขียว

พื้นที่ป่าของโอกินาว่าอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ เรียกชื่อกันว่า “ยัมบารู” อุทยานสวนป่ายัมบารูเป็นป่าในเขตกึ่งร้อนมีพืชพันธุ์ “อิตาจิอิ” (Castanopsis sieboldii) ขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เหล่าพืชพรรณที่อยู่ในสวนป่าแห่งนี้เป็นพืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์กว่า 1,250 ชนิด ที่สืบทอดสายพันธุ์ชีวิตมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์


“โมโตบุ ฮังโตว” สถานที่ยอดนิยมอย่าง Okinawa Churaumi Aquariam และทัศนียภาพอันยากที่จะลืม

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโอกินาว่า คือ โมโตบุ ฮังโตว หากเอ่ยชื่อของ Okinawa Churaumi Aquariam คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มีปลาฉลามวาฬ ปลากระเบน กำลังว่ายน้ำอยู่อย่างอ้อยอิ่ง หลังจากปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปกับการว่ายน้ำของปลาแล้ว ยังสามารถขับรถกินลมไปบนสะพานโควริ โอฮาชิ ที่พาดผ่านผืนทะเลสีเขียวมรกตที่อยู่ไม่ไกลได้อีกด้วย


“ชายฝั่งโอนนาซอง” ท้องทะเลสดใส กับรีสอร์ทริมชายหาด

ชายฝั่งโอนนาซอง มีรีสอร์ทชื่อดังริมทะเลอยู่หลายแห่ง ท่านจะได้ทึ่งกับความตระหง่านของหน้าผาที่สูงชันริมทะเล เช่น “มังซาโม”, “มาเอะดะ มิซากิ” หรือประภาคารกลางทะเลปุเซนาที่มีอยู่แห่งเดียวในโอกินาว่า ชื่นชมความงดงามและทอดอารมณ์กับหาดทรายที่รู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัวที่ “มิชั่น บีช” อีกหาดทรายหนึ่งที่เหมาะกับนักดำน้ำมือสมัครเล่น เห็นจะเป็นที่ “สวนสาธารณะริมทะเลโอนนาซอง นาบี บีช”ที่โอนนาซองนี้ ท่านสามารถดำน้ำลงไปชมฝูงปลาสีสันสดใสนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ตามแนวประการังได้อย่างเพลิดเพลินใจ

โอนนาซอง นับเป็นเมืองแรกของทางตอนเหนือของเกาะโอกินาว่า ที่สามารถใช้เวลาพักผ่อนแบบมีระดับในรีสอร์ท โรงแรม และสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ อาทิ การไดรฟ์กอล์ฟได้

ลองมาใช้ชีวิตในวันหยุดกับธรรมชาติอันยากที่จะลืมที่โอกินาว่ากันไหม?

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

นาฮา มาราธอน

นาฮา มาราธอน ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1985 เป็นต้นมา นาฮา มาราธอนจะจัดขึ้นเป็นประจำในช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี นับเป็นการแข่งขันกีฬาครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว



ปัจจุบันมีผู้คนเข้าร่วมในการวิ่งมาราธอนราวๆ 20,000-30,000 คน นับเป็นเทศกาลใหญ่ที่คนโอกินาว่าและผู้คนจากทุกสารทิศเข้าร่วมวิ่งกันมากมาย ทุกปีจะมีผู้ร่วมวิ่งมาราธอนเป็นชาวต่างประเทศและคนต่างถิ่นประมาณ 40% เข้าร่วมในการแข่งขัน กำลังใจและมิตรภาพที่ได้รับจากผู้คนมากมายจึงได้ขยายวงกว้างออกไปทุกปี

ระยะทางในการวิ่งเริ่มจากเมืองนาฮา วิ่งลงไปทางตอนใต้ของโอกินาว่าผ่าน 5 เมือง เป็นระยะทางวิ่งทั้งหมด 42.195 กิโลเมตร

ขอเชิญชวนนักวิ่งคนไทยทุกคน ไปวิ่งมาราธอนในเดือนธันวาคมตอนที่อากาศกำลังเย็นสบาย กับคนญี่ปุ่นที่โอกินาว่ากัน

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
Naha Marathon
http://www.naha-marathon.jp/en/index.html

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

หมู่เกาะเค-รามา

“เค-รามา บลู” ท้องทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านความงดงาม



หมู่เกาะเค-รามาอยู่ห่างจากนาฮาไปทางทิศตะวันตก 30-40 กิโลเมตร มีหมู่เกาะน้อยใหญ่ราวๆ 20 เกาะ



“เค-รามา บลู” มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะความใสของน้ำทะเลที่มีอยู่ไม่กี่แห่งในโลก มีฝูงปลาเขตร้อนหลากหลายพันธุ์แหวกว่ายอยู่ตามแนวปะการังที่เต็มไปด้วยสีสัน เปรียบเสมือนโลกอีกโลกหนึ่งที่งดงามยากที่จะบรรยาย



คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ท้องทะเลที่นี่งดงามและมีชื่อเสียงในเรื่องการดำน้ำระดับโลก นอกจากชื่อเสียงในเรื่องของการดำน้ำแล้ว การขึ้นไปบนประภาคารบนเกาะ เช่น เกาะโทกาชิกิ เกาะกิมามิ เกาะอะกา เกาะเกรุมา ก็จะมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น และแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนเล่นเงาบนผืนน้ำทะเล



เป็นภาพอีกมิติหนึ่งที่แปลกตาไปอีกแบบ สำหรับท่านที่ชื่นชอบการดำน้ำ อยากให้ไปสัมผัสความใสของทะเลโอกินาว่าดู ว่าจะสวยงามสมตามคำล่ำลือหรือไม่

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

โอกินาว่าในสมัยราชวงศ์ริวกิว

ราชวงศ์ริวกิวมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 450 ปี ได้สร้างรากฐานวัฒนธรรมประเพณีที่โดดเด่นไว้มากมาย


คัทซึเร็นโจ (มรดกโลก)

โอกินาว่าเป็นสังคมเกษตรกรรมมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ผู้ที่ครองอำนาจในการสืบทอดกุซุกุ (ปราสาท) คือรัชทายาทที่เรียกว่า “อะจิ” มีหน้าที่ในการชี้นำและเป็นผู้นำ ต่อมามีการแก่งแย่งและยึดอำนาจ เข้าศตวรรษที่ 14 เกาะโอกินาว่าได้ถูกแบ่งแยกอำนาจการปกครองออกเป็น 3 ส่วนและเข้าสู่สมัย “ซังซัง จิได” โอกินาว่าได้พัฒนาและเจริญเติบโตจากการปกครองทั้ง 3 ส่วนนั้น

ในศวรรษที่ 15 ได้มีการรวมอำนาจของราชวงศ์ขึ้นและสถาปนาราชอาณาจักรริวกิว


ชูริโจ (มรดกโลก)

มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่อยมา นับเป็นสมัยที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด จนในปี 1609 มีการขยายอำนาจและเข้าครอบครองโดยแม่ทัพ ในสมัยรัฐบาลโชกุล “ซาซึมาฮัง” ริวกิวได้ตกอยู่ภายใต้การปกครอง จากนั้นเข้าสู่สมัยเอโดะ ริวกิวได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของประเทศจีนและญี่ปุ่น มีการดูดซับและปรับเปลี่ยนจนกลายมาเป็นวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตน นับเป็นยุคทองของวัฒนธรรมริวกิวเลยทีเดียว

ทั้งปราสาทในโอกินาว่าที่ได้เป็นมรดกโลก ล้วนสร้างความรู้สึกถึงประวัติศาสตร์ของโอกินาว่าต่อผู้พบเห็นทั้งสิ้น การท่องเที่ยวไปในโบราณสถานมรดกโลก และค้นหาประวัติศาสตร์อันยาวนานของโอกินาว่า ก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00

เทศกาลชักเย่อสถิติกินเนสบุ๊ก

เมื่อวันที่ 6 กันยายน ปี 1995 “นาฮา โอสึนาฮิคิ” เทศกาลดึงเชือกชักเย่อด้วยฟางที่ถูกถักให้มีความยาวและใหญ่ที่สุดในโลก ถูกบันทึกลงในกินเนสบุ๊กไว้ว่าเป็นเทศกาลชักเย่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก



ความยาวของเชือกทั้งหมด 200 เมตร หนัก 43 ตัน จำนวนเชือกฟางที่ถักสานรวมกันคือ 256 เส้น มีผู้เข้าร่วมดึงเชือกชักเย่อประมาณ 15,000 คน ผู้เข้าร่วมเทศกาลทั้งหมดประมาณ 275,000 คน หากอยู่บนตึกสูงแล้วมองลงมา จะเห็นถึงความอลังการและทรงพลังของคลื่นมหาชน



ความหมายของการชักเย่อนี้ เพื่อเรียกความสุข, ความสันติ, ครอบครัวที่สมบูรณ์, ค้าขายดี, ความสมานสามัคคี, ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง, สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และปรารถนาแห่งสันติภาพ ซึ่งผู้ที่ดึงเชือกชักเย่อและทุกคนที่ไปร่วมงานสามารถอธิษฐานได้

เทศกาลนาฮา โอสึนาฮิคิ ถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคมเป็นประจำทุกปี ในเทศกาลนี้คุณอาจได้เพื่อนใหม่ที่พูดกันคนละภาษา เพื่อนใหม่ที่เจอกันในเทศกาลดึงเชือกชักเย่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาช่วยกันดึงเชือกชักเย่อกันไหม?

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
GIANT TUG-OF-WAR
http://www.naha-otsunahiki.org/en/index.html

  


Posted by Visit Okinawa (TH) at 12:00